1พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาปstylusโคโลสี 2:13, โคโลสี 2:13, เอเฟซัส 2:5, เอเฟซัส 2:6, เอเฟซัส 2:52ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยดำเนินตามวิถีของโลกนี้ตามเจ้าแห่งอำนาจในย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟังstylusเอเฟซัส 6:12, เอเฟซัส 6:12, 1 ยอห์น 5:19, เอเฟซัส 2:3, ยอห์น 12:313เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติเป็นพรรคพวกกับคนเหล่านั้นที่ประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนังเช่นกัน คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อหนังและความคิดในใจ ตามสันดานเราจึงเป็นบุตรแห่งพระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่นstylusทิตัส 3:3, ทิตัส 3:3, กาลาเทีย 5:16, กาลาเทีย 5:24, กาลาเทีย 5:164แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้นstylus1 เปโตร 1:3, 1 เปโตร 1:3, เอเฟซัส 1:7, เอเฟซัส 1:7, ทิตัส 3:45ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)stylusโรม 3:24, โรม 3:24, เอเฟซัส 2:8, เอเฟซัส 2:8, โรม 5:106และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์stylusโคโลสี 3:1, โคโลสี 3:3, โคโลสี 3:1, โคโลสี 3:3, โรม 6:47เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์stylusทิตัส 3:4, ทิตัส 3:4, 1 ทิโมธี 1:16, 1 ทิโมธี 1:17, 1 ทิโมธี 1:168ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้stylusโรม 3:22, โรม 3:26, โรม 3:22, โรม 3:26, เอเฟซัส 2:59ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้stylus2 ทิโมธี 1:9, 2 ทิโมธี 1:9, โรม 11:6, โรม 11:6, ทิตัส 3:310เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ประกอบการดีซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เราดำเนินตามนั้นstylusฟีลิปปี 2:13, ฟีลิปปี 2:13, โคโลสี 1:10, โคโลสี 1:10, ฮีบรู 13:2111เหตุฉะนั้นท่านจงระลึกว่า เมื่อก่อนท่านเคยเป็นคนต่างชาติตามเนื้อหนัง และพวกที่ถือพิธีเข้าสุหนัตซึ่งกระทำแก่เนื้อหนังด้วยมือเคยเรียกท่านว่า เป็นพวกที่มิได้เข้าสุหนัตstylusโคโลสี 2:11, โคโลสี 2:11, โคโลสี 2:13, โคโลสี 2:13, โคโลสี 3:1112จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอลและไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้าstylusกาลาเทีย 4:8, กาลาเทีย 4:8, โคโลสี 1:21, โคโลสี 1:21, เยเรมีย์ 31:3113แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์stylusกิจการ 2:39, กิจการ 2:39, โคโลสี 1:20, โคโลสี 1:22, โคโลสี 1:2014เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลงstylusกาลาเทีย 3:28, กาลาเทีย 3:28, โคโลสี 3:11, โคโลสี 3:11, โคโลสี 3:1515และได้ทรงกำจัดการซึ่งเป็นปฏิปักษ์กันในเนื้อหนังของพระองค์ คือกฎของพระบัญญัติซึ่งให้ถือศีลต่างๆนั้น เพื่อจะกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นคนใหม่คนเดียวในพระองค์ เช่นนั้นแหละจึงทรงกระทำให้เกิดสันติสุขstylusโคโลสี 2:14, โคโลสี 2:14, กาลาเทีย 3:10, กาลาเทีย 3:10, ฮีบรู 8:1316และเพื่อพระองค์จะทรงกระทำให้ทั้งสองพวกคืนดีกับพระเจ้า เป็นกายเดียวโดยกางเขนซึ่งเป็นการทำให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันหมดสิ้นไปstylusโคโลสี 1:20, โคโลสี 1:22, โคโลสี 1:20, โคโลสี 1:22, โรม 5:1017และพระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านที่อยู่ไกล และแก่คนที่อยู่ใกล้stylusอิสยาห์ 57:19, อิสยาห์ 57:21, อิสยาห์ 57:19, อิสยาห์ 57:21, กิจการ 10:3618เพราะว่าพระองค์ทรงทำให้เราทั้งสองพวกมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบิดา โดยพระวิญญาณองค์เดียวกันstylusเอเฟซัส 3:12, เอเฟซัส 3:12, 1 โครินธ์ 12:13, 1 โครินธ์ 12:13, โรม 5:219เหตุฉะนั้นบัดนี้ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับวิสุทธิชนและเป็นครอบครัวของพระเจ้าstylusฟีลิปปี 3:20, ฟีลิปปี 3:20, 1 ยอห์น 3:1, 1 ยอห์น 3:1, กาลาเทีย 6:1020ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้นบนรากแห่งพวกอัครสาวกและพวกศาสดาพยากรณ์ พระเยซูคริสต์เองทรงเป็นศิลามุมเอกstylus1 เปโตร 2:4, 1 เปโตร 2:5, 1 เปโตร 2:4, 1 เปโตร 2:5, อิสยาห์ 28:1621ในพระองค์นั้น ทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิท และเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้าstylus1 โครินธ์ 3:16, 1 โครินธ์ 3:17, 1 โครินธ์ 3:16, 1 โครินธ์ 3:17, 1 โครินธ์ 3:922และในพระองค์นั้น ท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วยstylus1 เปโตร 2:4, 1 เปโตร 2:5, 1 เปโตร 2:4, 1 เปโตร 2:5, 1 โครินธ์ 3:16